Scenic of Japan ความงามแห่งฤดูกาล ธรรมชาติมักมีอะไรมาเซอร์ไพรซ์เสมอยิ่งในช่วงปลายหนาวต้นร้อนที่อากาศกำลังเริ่มผันแปรแบบนี้ ยิ่งก่อให้เกิดความงามตามธรรมชาติที่แตกต่างแต่ลงตัว ญี่ปุ่น ประเทศช่างคิดที่ชอบครีเอตกิมมิคเก๋ๆ แต่งแต้มเสริมแต่งให้ธรรมชาติที่สวยสดอยู่แล้ว ดูน่าหลงใหลมากขึ้น จนล่อตาล่อใจให้นักท่องเที่ยวช่างฝันอยากเดินทางไปเยือนสักครั้ง อย่างช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมนี้ใครจะไปคิดว่า เราจะสามารถชมหิมะขาวโพลนกับดอกไม้บานได้ในระยะใกล้ๆ กัน แถมสามารถเดินทางไปชมได้ภายในทริปเดียว
เจแปน แอลป์: กำแพงหิมะกับช่วงเวลาที่สวยที่สุด
ประเดิมทริปด้วย “เจแปนแอลป์” หรือ “เทือกเขาทาเทยาม่า” ไฮไลท์อยู่ที่การเดินลัดเลาะไปตามซอกกำแพงหิมะสูงกว่า 20 เมตร ที่จะมุ่งขึ้นสู่ยอดดอยมุโรโด ซึ่งเป็นจุดชมวิวสูงสุด โดยเส้นทางการเดินทางอาจซับซ้อนไปหน่อย แต่รับประกันความสวยงามของวิวสองข้างทาง ที่จะทำให้คุณเพลินเพลินไปตลอดทาง โดยเริ่มจากการนั่งรถกระเช้าไฟฟ้าซึ่งเป็นรูปขั้นบันไดสู่ที่ราบสูงบิโจไดร่า แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถโค้ชต่อ แต่แอบกระซิบว่าอย่าเผลอหลับเชียว เพราะคุณจะตื่นตาตื่นใจไปกับทิวทัศน์สองข้างทาง ที่มีทั้งป่าสนดึกดำบรรพ์อายุกว่า 1,000 ปีพบต้นสนขนาดยักษ์ที่สูงเทียมฟ้า ได้อารมณ์หนังเรื่องทไวไลท์สุดๆ ตามมาด้วยทุ่งราบตามธรรมชาติ และแวะชมความสวยงามของสายน้ำกระเซ็นจากน้ำตกเมียวโจ น้ำตกสูงที่สุดในญี่ปุ่น ที่ส่งเสียงกึกก้องกังวาล
จากนั้นได้เวลาเข้าสู่เส้นทางที่สร้างเสียงฮือฮาสุดๆ หรือที่เรียกว่า “Alpine Route”เส้นทางจากทาเทยาม่า-กูโรเบะ ที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวดัง เหตุเกิดจากการขุดเจาะชั้นหิมะที่ปกคลุมภูเขาหนานับสิบเมตรออก แล้วเปิดเป็นเส้นทางถนนให้รถบัสวิ่งผ่าน ก่อให้เกิดเป็นถนนที่มีกำแพงหิมะสูงปรี๊ดขนาบข้างไปตลอดระยะทาง23 กิโลเมตร โดยรถบัสจะจอดให้นักท่องเที่ยวลงไปเดินเล่นและถ่ายรูปได้เป็นระยะ เห็นแล้วก็อดทึ่งไม่ได้ ยิ่งคนเมืองร้อนอย่างเราได้ลองแวะไป หลายคนจึงตื่นเต้นวิ่งลงไปลูบคลำหิมะ หนักเข้าหน่อยก็ถึงกับแงะแกะออกมาชิม เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ ฮ่าๆ ความสวยงามของกำแพงหิมะนี้ ต้องบอกไว้หน่อยว่า มีให้ชมแค่ช่วงกลางเมษายนถึงพฤษภาคมเท่านั้น
ตะลุยกำแพงหิมะแล้วก็เดินทางต่อไปยังยอดดอยมุโรโด จุดชมวิวที่สูงสุดของเส้นทางนี้ ซึ่งจะมองเห็นทะเลสาบน้อยใหญ่อยู่เบื้องล่าง รายล้อมไปด้วยทิวเขาตัดกับขอบฟ้าสีสด รู้สึกสงบและสดชื่นอย่างประหลาด สวยจนแทบลืมหายใจ ชมวิวกันหนำใจแล้ว ก็เปลี่ยนพาหนะมานั่งรถโคชโดยสารแบบไฟฟ้าไร้ซึ่งมลพิษ ที่จะพาคุณทะลุอุโมงค์ใต้ภูเขาทาเทยาม่าที่สูงถึง 3,015 เมตร สู่ที่ราบไดคัมโปะแล้วต่อด้วยคุโรเบะไดระ ที่ราบสูงบนไหล่เขาที่ทำให้เราต้องตื่นตะลึงไปกับวิวตลอดทาง กับช่องเขาที่เว้าลงไปเป็นเหวลึก เรียกเสียงฮือฮาไปทั่ว งานนี้ใครหลับ ขาดทุนสุดๆ เท่านั้นยังไม่พอ ทริปแอดเวนเจอร์นี้ยังจบไม่ได้ หากไม่ได้ขึ้นกระเช้าโดยสารข้ามเหวลึกที่ไม่มีเสากั้นตลอดเส้นทาง 1,700 เมตร ให้คุณได้ถ่ายรูปกันให้สะใจพร้อมอะดรีนารีนหลั่งไหล ก่อนจะคูลดาวน์ด้วยกระเช้าไฟฟ้ารูปขั้นบันไดเพื่อลงไปสู่สันเขื่อนคุโรเบะ เขื่อนยักษ์ใหญ่ที่มีสันเขื่อนยาว 800 เมตร พร้อมให้เราชื่นชมความงามของสายน้ำที่ไหลต่อมาจากแอ่งน้ำสีเขียวมรกต เป็นอันปิดทริปความอลังการของผลงาน collaboration ระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์
ทุ่งทิวลิปหลากสี ณ เทศกาลดอกไม้สวนโทนามิ
ชมน้ำแข็งขาวโพลนและอดทนกับความหนาวเหน็บมาแล้ว เปลี่ยนอารมณ์มุ่งหน้าสู่ดินแดนแห่งสีสันท่ามกลางความอบอุ่นกันบ้าง ในช่วงปลายเมษายนถึงต้นพฤษภาคมเช่นนี้ ต้องไม่พลาดไปชมความสดชื่นของดอกไม้หลากสีสันใน “เทศกาลดอกไม้สวนโทนามิ” ที่ถือว่าเป็นเทศกาลชมดอกทิวลิปใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ด้วยดอกทิวลิปกว่า 10,000 ต้น 400 สายพันธุ์ สารพัดสี ที่เรียงรายเป็นทิวแถวต่อกันไปจนละลานตา เรียกว่าเห็นแล้วต้องยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เลือกมุมถ่ายรูปกันไม่ถูกเลยทีเดียว ตะลุยสวนดอกไม้เสร็จแล้ว ก็มาช้อปปิ้งต่อที่ร้านขายของที่ระลึกแสนน่ารัก ที่มีดักไว้มากมาย ชนิดเลือกซื้อกันไม่ถูก ข้าวของนั้นพลาดได้ไม่เป็นไร แต่ไอศกรีมทิวลิปนี่สิที่ไม่ควรพลาด หลายคนแอบนึกสงสัย ดอกทิวลิปก็ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นแล้วรสชาติจะเป็นอย่างไร เลยต้องลองให้รู้ อืม… จะบอกว่ายังไงดีล่ะ หอมหวานๆ เหมือนดอกไม้และติดกลิ่นมะนาวนิดๆ อร่อยใช้ได้เลย